ได้อาหารตามาเพียบบบบบบบ อิอิ
นานๆทีได้ไปห้างก็งี้แหละ อะไรๆก็ดูตื่นตาตื่นใจไปซะหมด
ไปตอนกลางวันซะด้วย ผู้คนคึกคักขวักไขว่
ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจไปห้างหรอก พอคุณชายไปหาหมอตะหาก
รอหมอนานมากกกกกก สภาพไปต่างจากรพ.รัฐเลย
เพราะนี่คือ "ประกันสังคม"
เราก็ว่า อย่าหาว่าเราดูถูกเลยนะ แต่รพ.กลางเมืองอย่างนี้
ทำไมคนไข้ดูแต่งตัวสบายๆ เหมือนพึ่งลุกจากที่นอนยังงัยไม่รู้
พึ่งมาเข้าใจตอนเห็น counter cashier นี่แหละ
เอิ่มมม คนไข้มาเกือบร้อย เรียกจ่ายเงินไม่ถึงสองคนเลยมั้ง
ที่เหลือ พบหมอ-รับยา พบหมอ-รับยา พบหมอ-รับยา
รวมทั้งคุณชายด้วย ก็ใช้สิทธิรักษาฟรีน่ะเอง
รพ.ก็จะว่าฉลาดดีมั้ย เธอเล่นจัดหมอให้คนเดียว
ตรวจคนไข้หลายสิบ! โอ้ววว!
รอไปเกือบสองชั่วโมงได้อ่ะ ซึ้งใจสิทธิรักษาฟรีมากๆ
ถ้าเป็นเรา ขอเสียเงินแต่ได้ตรวจเร็วๆดีกว่านะ โรคภัยมันไม่รอใคร
And there's a price to pay!
ไม่ได้จ่ายเป็นเงิน ก็ต้องจ่ายเป็นเวลา
คุณว่าอย่างไหนมันแพงกว่ากัน!
วันเสาร์ก็ Window shopping นะ แต่ได้ของมาเหมือนกัน
เป็นอโลเจลสองปุก
ที่จริงอยากได้สาม แต่ของมันหมด และสามชิ้นลด 5% ล่ะ
เฮ่ออ ดวงจะไม่ได้ส่วนลดอ่ะนะ ซื้อมาสองครั้งแล้วยังไม่ได้เลย
วันอาทิตย์ก็กะว่าถ้าคุณชายเดินไหว จะให้รอเราช้อปซะหน่อย
แต่เธอบ่นไม่บายตลอดๆ เราเลยอด
ได้แค่กินข้าว เดินผ่านโซนของสวยๆงามๆ แล้วก็กลับบ้าน
ไม่ได้เสียตังค์สักแอะ เหอๆๆ
ทั้งหมดที่เม้ามานี้ ไม่มีอะไรสุขใจเท่า
ba nars ทักเราแต่ไกล
"สวัสดีค่ะ เครื่องสำอางค์ลด 10% นะคะ"
แอร๊ยยยยยยยยยยย พี่พูดกะหนูจริงเหรอ
เค้าดีใจนะเนี่ย
จากที่แต่ก่อนเป็นยัยหน้าสิว ไม่มีฟามมั่นใจที่จะผ่านร้านพวกนี้เลย
เดี๋ยวนี้เค้าเรียกเราอ่ะ แอร๊ยยยย ปลื้มมม
ถึงเค้าจะเรียกไปเพิ่มยอดขายเค้าก็เหอะ
ถ้ามาคนเดียวล่ะอาจจะมีเสียว
เสียวเงินหลุดลอยออกจากกระเป๋าอ่ะ อิอิ
กลับถึงบ้านรีบส่องกระจกอย่างไวเลย
ไหนๆ หน้าชั้นเป็นงัยมั่ง
เจอไฟส่องสว่างเข้าไปถึงกะอึ้ง
มิน่า นางพวกนั้นอาจจะเห็นตอนไปส่องหน้าเราพอดีก็ได้
จะบอกว่า มันดูเนียนดีอ่ะ ไม่ค่อยเห็นร่องรอยประวัติศาสตร์เท่าไร
รองสิว รอยแดง ดูจางมากๆ
ไม่อยากล้างหน้าเลยง่าาาา อิอิ
ตอนนี้มีทางเลือกใหม่
อยู่ๆเราก็เบื่อพวกรองพื้น บีบี อะไรแนวนี้ซะงั้น
เพราะว่าใช้แล้วมันคงจะหนักหน้า ระหว่างวันหน้าเป็นคราบมั่ง
เหนียวหน้ามั่ง ก็เลยหาวิธีใหม่
toner > moisture > sunscreen > loose powder > foundation powder
แยกคู่ระหว่างรองพื้น กับแป้งผสมรองพื้น
ห้ามใช้สองตัวนี้ด้วยกันเด็ดขาด!
เมื่อวานก็ทำแบบนี้แหละ ใช้แป้ง cutepress ธรรมดาเอง
(evory radiance) แล้วเอาแป้งอัดแข็งไปซับระหว่างวัน
ผลออกมา ก็อย่างที่เล่าไป
บีเอทักหรือเรียกเราซื้อของนี่
เป็นความสุขขั้นสุดยอดของเราตอนนี้เลยนะ
แบบว่า หน้าชั้นดูดีพอที่จะใช้ของเธอแล้วเหรอ ถึงมาเรียกเค้าอ่ะ อิอิ
แต่หลังจากนั้นก็แอบนอยนิดหน่อย
คือว่า...เค้าต้องเลิกใช้ยาสิวและ whitening แล้วล่ะ
ตายๆๆ ฮาดะขวดน้ำเงินยังเหลือตั้งครึ่งขวด!
คือเราแพลนจะมีน้องใช่ม้า
หลายๆบทความที่อ่านมาเค้าแนะนำให้เลี่ยงสองกลุ่มนี้
ไอ้ยาสิวไม่ค่อยเสียดายเท่าไร เหลือจะติดก้นหลอดแล้ว ตัดใจทิ้งได้
แต่ฮาดะที่เอิ่ม เสียดายอ่ะ แต่ว่าจะลองหยุดดูก่อน
ถ้ายังไม่ท้องค่อยใช้ต่อ 5555 ไม่ค่อยงกเท่าไร
ถ้าท้องก็ดี มองโลกในแง่ดีเข้าไว้
พึ่งทายาสิวไปสองอาทิตย์เอง วันนี้หยุดแล้ว
จะได้หาพวก mmu มาใช้ซะให้เบื่อเลย
จะขนซื้อมาให้รกบ้านเลยคอยดู 555
ส่วน skincare ก็จะได้ไปเสาะหาสมุนไพรใหม่ๆ
เผื่อจะดีกว่าของนอกที่ใช้อยู่ก็ได้
นานๆทีได้ไปห้างก็งี้แหละ อะไรๆก็ดูตื่นตาตื่นใจไปซะหมด
ไปตอนกลางวันซะด้วย ผู้คนคึกคักขวักไขว่
ที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจไปห้างหรอก พอคุณชายไปหาหมอตะหาก
รอหมอนานมากกกกกก สภาพไปต่างจากรพ.รัฐเลย
เพราะนี่คือ "ประกันสังคม"
เราก็ว่า อย่าหาว่าเราดูถูกเลยนะ แต่รพ.กลางเมืองอย่างนี้
ทำไมคนไข้ดูแต่งตัวสบายๆ เหมือนพึ่งลุกจากที่นอนยังงัยไม่รู้
พึ่งมาเข้าใจตอนเห็น counter cashier นี่แหละ
เอิ่มมม คนไข้มาเกือบร้อย เรียกจ่ายเงินไม่ถึงสองคนเลยมั้ง
ที่เหลือ พบหมอ-รับยา พบหมอ-รับยา พบหมอ-รับยา
รวมทั้งคุณชายด้วย ก็ใช้สิทธิรักษาฟรีน่ะเอง
รพ.ก็จะว่าฉลาดดีมั้ย เธอเล่นจัดหมอให้คนเดียว
ตรวจคนไข้หลายสิบ! โอ้ววว!
รอไปเกือบสองชั่วโมงได้อ่ะ ซึ้งใจสิทธิรักษาฟรีมากๆ
ถ้าเป็นเรา ขอเสียเงินแต่ได้ตรวจเร็วๆดีกว่านะ โรคภัยมันไม่รอใคร
And there's a price to pay!
ไม่ได้จ่ายเป็นเงิน ก็ต้องจ่ายเป็นเวลา
คุณว่าอย่างไหนมันแพงกว่ากัน!
วันเสาร์ก็ Window shopping นะ แต่ได้ของมาเหมือนกัน
เป็นอโลเจลสองปุก
ที่จริงอยากได้สาม แต่ของมันหมด และสามชิ้นลด 5% ล่ะ
เฮ่ออ ดวงจะไม่ได้ส่วนลดอ่ะนะ ซื้อมาสองครั้งแล้วยังไม่ได้เลย
วันอาทิตย์ก็กะว่าถ้าคุณชายเดินไหว จะให้รอเราช้อปซะหน่อย
แต่เธอบ่นไม่บายตลอดๆ เราเลยอด
ได้แค่กินข้าว เดินผ่านโซนของสวยๆงามๆ แล้วก็กลับบ้าน
ไม่ได้เสียตังค์สักแอะ เหอๆๆ
ทั้งหมดที่เม้ามานี้ ไม่มีอะไรสุขใจเท่า
ba nars ทักเราแต่ไกล
"สวัสดีค่ะ เครื่องสำอางค์ลด 10% นะคะ"
แอร๊ยยยยยยยยยยย พี่พูดกะหนูจริงเหรอ
เค้าดีใจนะเนี่ย
จากที่แต่ก่อนเป็นยัยหน้าสิว ไม่มีฟามมั่นใจที่จะผ่านร้านพวกนี้เลย
เดี๋ยวนี้เค้าเรียกเราอ่ะ แอร๊ยยยย ปลื้มมม
ถึงเค้าจะเรียกไปเพิ่มยอดขายเค้าก็เหอะ
ถ้ามาคนเดียวล่ะอาจจะมีเสียว
เสียวเงินหลุดลอยออกจากกระเป๋าอ่ะ อิอิ
กลับถึงบ้านรีบส่องกระจกอย่างไวเลย
ไหนๆ หน้าชั้นเป็นงัยมั่ง
เจอไฟส่องสว่างเข้าไปถึงกะอึ้ง
มิน่า นางพวกนั้นอาจจะเห็นตอนไปส่องหน้าเราพอดีก็ได้
จะบอกว่า มันดูเนียนดีอ่ะ ไม่ค่อยเห็นร่องรอยประวัติศาสตร์เท่าไร
รองสิว รอยแดง ดูจางมากๆ
ไม่อยากล้างหน้าเลยง่าาาา อิอิ
ตอนนี้มีทางเลือกใหม่
อยู่ๆเราก็เบื่อพวกรองพื้น บีบี อะไรแนวนี้ซะงั้น
เพราะว่าใช้แล้วมันคงจะหนักหน้า ระหว่างวันหน้าเป็นคราบมั่ง
เหนียวหน้ามั่ง ก็เลยหาวิธีใหม่
toner > moisture > sunscreen > loose powder > foundation powder
แยกคู่ระหว่างรองพื้น กับแป้งผสมรองพื้น
ห้ามใช้สองตัวนี้ด้วยกันเด็ดขาด!
เมื่อวานก็ทำแบบนี้แหละ ใช้แป้ง cutepress ธรรมดาเอง
(evory radiance) แล้วเอาแป้งอัดแข็งไปซับระหว่างวัน
ผลออกมา ก็อย่างที่เล่าไป
บีเอทักหรือเรียกเราซื้อของนี่
เป็นความสุขขั้นสุดยอดของเราตอนนี้เลยนะ
แบบว่า หน้าชั้นดูดีพอที่จะใช้ของเธอแล้วเหรอ ถึงมาเรียกเค้าอ่ะ อิอิ
แต่หลังจากนั้นก็แอบนอยนิดหน่อย
คือว่า...เค้าต้องเลิกใช้ยาสิวและ whitening แล้วล่ะ
ตายๆๆ ฮาดะขวดน้ำเงินยังเหลือตั้งครึ่งขวด!
คือเราแพลนจะมีน้องใช่ม้า
หลายๆบทความที่อ่านมาเค้าแนะนำให้เลี่ยงสองกลุ่มนี้
ไอ้ยาสิวไม่ค่อยเสียดายเท่าไร เหลือจะติดก้นหลอดแล้ว ตัดใจทิ้งได้
แต่ฮาดะที่เอิ่ม เสียดายอ่ะ แต่ว่าจะลองหยุดดูก่อน
ถ้ายังไม่ท้องค่อยใช้ต่อ 5555 ไม่ค่อยงกเท่าไร
ถ้าท้องก็ดี มองโลกในแง่ดีเข้าไว้
พึ่งทายาสิวไปสองอาทิตย์เอง วันนี้หยุดแล้ว
จะได้หาพวก mmu มาใช้ซะให้เบื่อเลย
จะขนซื้อมาให้รกบ้านเลยคอยดู 555
ส่วน skincare ก็จะได้ไปเสาะหาสมุนไพรใหม่ๆ
เผื่อจะดีกว่าของนอกที่ใช้อยู่ก็ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น