วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Review: Cheradino กระเป๋าเงินหนังแท้ใบแรกในชีวิต

ซื้อมาแบบ ยังไม่รู้เลยว่ามันยี่ห้ออะไร เหอๆๆ
แต่เล็งร้านเค้ามานานและ อยากได้
แอบไปหยิบๆจับๆมาหลายที
แต่ไม่กล้าซื้อ กลัวเจ้าของร้าน เค้าดูแรงๆมากเลยง่ะ
กลัวแบบ ไม่ซื้อแล้วเค้าจะดุ แล้วก็คิดเอาเองว่าของเค้าแพงมากด้วย
อย่างใบที่ซื้อมา ตอนแรกคิดว่าจะเอาเราสักสองพันนู่นเลย

แต่คราวนี้ ต้องเอาแล้วล่ะ เจ้า Charles & Keith ที่ใช้อยู่
มันลอกตรงขอบๆแล้วอ่ะ มุมดำน่าเกลียดมาก
ใช้มาปีกว่าเอง ลอกซะและ
เบื่อที่ช่องมันน้อย ใส่บัตรได้ไม่จุใจเลย
เอ้า รวบรวมความกล้าได้แล้วก็ลุยเลย
"พี่คะ แบบซิปรอบมีกี่แบบคะ"

ปรากฎว่า พี่เค้าก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะ
เค้าแค่ตั้งใจขายมากๆเท่านั้นเอง
แล้วก็รักของมาก คงเพราะเค้าบอกว่าเค้ามีโรงงาน
ขายมาจากโรงงานโดยตรงเลย
จะหยิบดูอะไรต้องเค้าหยิบให้นะ
เราอย่าไปซี้ซั้วหยิบเอง
เดี๋ยวมันจะหล่นจากกองอ่ะ ไม่ใช่อะไร
เพราะของเค้าเยอะมากกกกกก

ก็คุยกันเพลินๆดี สรุปว่าได้ใบนี้มาจ้ะ





เหตุผลที่เลือกใบนี้เพราะ

หนังแท้ น่าจะทน พี่กุ้งบอกว่าใช้ได้เป็นสิบปี (จริงนะพี่ อย่างนี้หนูก็ไม่ต้องซื้อไปอีกสิบปีเลยจิ อิอิ)

สีชมพู ถูกโฉลกกับวันเกิดเรา และเราก็หามานาน สีชมพูที่เป็นหนังแท้นี่หายากมาก ส่วนมากมีแต่พวกสีน้ำตาล ก็เห็นแต่ที่ร้านพี่กุ้งเนี่ยแหละ

ช่องซิปอลังการมากกกกกก ตอนเค้าเปิดให้ดูนี่แบบ ประทับใจเลยอ่ะ เยอะม๊ากกกกกกก และยังมีช่องใส่บัตรข้างหน้าได้อีก

ตอนแรกก็ลังเลกับอีกใบที่เล็กกว่านี้หน่อย แต่ใบนั้นช่องเสียบบัตรเป็นแนวตั้งเหมือนใบเดิม และสีก็เป็นสีบานเย็น มันจะสดกว่าใบนี้มากหน่อย ซึ่งผิด concept ไปนิด ของเราต้อง "สีชมพู" ก็เลยเป็นใบนี้จ้ะ ถึงแม้ใบนั้นจะถูกกว่า 200 บาทก็ตาม

แล้วราคามันเท่าไรล่ะเนี่ย? ป้ายเค้าติดไว้ 1200 บาท โดยที่พี่กุ้งเม้าให้ฟังว่า โปโลจ้างเค้าผลิตแล้วเอาไปติดยี่ห้อเขา ขายอยู่ร้านข้างบนเนี่ย 2300 หนูไปดูได้เลย เคยมีลูกค้ามาบอกเค้าว่าเค้าซื้อโปโลมาแล้วมาเห็นพี่ขายแค่ 1200 พี่ก็บอกพี่ช่วยไม่ได้ (นั่นซิ จะให้ทำยังงัยได้อ่ะ)

แต่พี่เค้าใจดี ลดให้อีก เลยได้มาในราคา 1000 บาทถ้วนจ้า เจ้าใบเล็กนั่นถึงจะถูกกว่า แต่เราว่าเราจะชอบอันนี้มากกกว่านะ

ก่อนใส่ถุง พี่กุ้งมีการ QC โชว์ความทนทาน โดยการจุดไฟแช็คลวกกระเป๋าให้ดู จ๊ากกกกก! ตกใจอ่ะ แต่มันไม่เป็นอะไรเลยจริงๆนะ ขนาดลวกตรงขอบล่างที่หนังบางๆแล้วนะเนี่ย พอเราควักใบเก่ามาให้ดู พี่เค้าบอกว่าเนี่ย หนังพียู เนี่ยถ้าพี่ลวกอันนี้ล่ะมันหลุดเลยนะ เอามะ ไหนๆจะทิ้งแล้วเดี๋ยวจะทำให้ดู เอิ่มมมม -_-! พี่คะ ไม่เป็นไรค่ะ หนูทำใจไม่ได้ 5555

กลับมาบ้านก็เห่ออีกตามระเบียบ รีบควักของออกจากใบเก่า พาเข้าบ้านใหม่กันเลย โอ้โหววววววว สบายมาก ยังมีที่อีกเหลือเฟือเลยทีนี้ ใส่บัตรแพลตตินั่ม(ประตูน้ำ) ได้อีกสี่ซ้าห้าใบก็ยังไม่เต็มล่ะเธอว์ วุ้ยชอบ ถูกใจอ่ะ มันก็จะดูตุงๆขึ้นนิดหน่อย แต่ก็เป็นแบบนี้ทุกใบแหละ คิดซะว่า มีเงินตุงกระเป๋า อิอิ

พี่เค้าก็ยังเชียร์กระเป๋าถืออีกสองสามแบบ ซึ่งเราก็ชอบนะ มีแบบสะพายเล็กที่หน้าตาคล้ายเป๋าตังค์เราเลย สีเดียวกันด้วย แต่อันนั้นมันสองพัน เอ่ออ ตอนนี้พึ่งจ่ายบัตรไปอ่ะ ขอไปรวบรวมทุนทรัพย์ก่อนนะจ้ะ อิอิ แต่ก็อยากได้อยู่แล้วแหละ สมมติถ้าได้ไปเมืองนอกเมืองนาแล้วจะมาถอยแน่ๆ เอาของไทยไปโชว์ต่างชาติบ้างอะไรบ้าง จะได้ไม่ต้องปวดหัวพกใบเสร็จกระเป๋าถ้าจะถือแบรนด์เนมไป เอ่อออ พูดเหมือนมีเลยง่ะ อิอิ

Review: Smooth E Physical White Babyface UV Expert spf52 pa+++

หายไปนานเลย กลับมาทีไรก็มีรีวิวทู้กกกกกที เหอๆๆ
เราก็ อยากลองของไปเรื่อย ก็เลยต้องซื้ออยู่ร่ำไป
เจ้านี้ (เจ้าหนี้?) ก็เช่นกัน อ่านรีวิวคนอื่นแล้วมันอยาก อยากได้มั่ง เหอๆๆ
พอดีได้ผ่านไปร้านขายยาที่คิดว่ามันน่าจะถูกกว่าร้านเขียว ก็เลยขอลองซะหน่อย
แต่แอบเซ็งที่น้องคนขายทั้งร้านเลย พยายามจะลากเราไปซื้ออีกยี่ห้อให้ได้ ซึ่งเราไม่อยากได้อ่ะ เราตั้งใจมาซื้ออันนี้ เข้าใจนะตัวเธอว์ว์ว์ว์ว์ว์







ตอนแรกที่บีบเนื้อครีมออกมา ชอบนะ สีเนื้อมาเลย คงไม่วอกอ่ะ
พอเกลี่ยแล้วรู้สึกเนื้อแน่นๆ เหมือนจะมันนิดๆ
วันรุ่งขึ้นก็เลยลองของจริงซะเลย อืมมมมมก็ดีนะ
สีไม่เพื้ยน ไม่วอก เกลี่ยง่าย ไม่ตกร่องตกรูขุมขน
แต่!!!!!! พอผ่านไปสักชั่วโมงเดียว.....
หน้ามันพะย่ะค่ะ มันมากกกกกกกก
แบบว่า เอิ่ม ถ้าใช้แล้วต้องซับหน้าทุกชั่วโมงก็ไม่ไหวนะคะคุณน้องงงง
ยิ่งลองออกไปข้างนอกที่ไม่มีแอร์แล้วด้วยล่ะก็
ชัดเลย หน้ามันโฮกอ่ะ
แง....เค้าเสียใจ กลับไปซบซีเอเหมือนเดิมก่อนเก๊าะด๊ะ
เลยชักกลัว ตรู จะกล้าใช้ต่อมั้ยเนี่ย
ต่อให้ทาไปอยู่ในห้องแอร์ทั้งวันก็เหอะ เค้าไม่มั่นใจอ่ะ
ทั้งที่เราก็เริ่มใช้ของยี่ห้อนี้หลายอย่างนะ
เจลล้างหน้า ครีม โลชั่นทาตัวก็เคย
แต่อันนี้(กะโฟมล้างหน้า) ขอยกไว้ก่อนดีกว่า
สรุปว่า ไม่ซื้ออีกแล้วนะจ้ะ หลอดนี้ก็เอาตังเค้าไป 595 บาทแล้วง่ะ
ยังคงตามหากันแดดในดวงใจต่อไปจ้ะ

วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Review: Garnier BB Eye Roll-on

ซื้อมาเพราะคำท้าที่กล่องเลยนะเนี่ย
"รอบดวงตาเนียนสวย กระจ่างใสในพริบตา"
อ้ะ เชื่อได้จริงอ้ะ อย่างงี้มันต้องลอง 5555

จริงๆแล้วเห็นรีวิวมานานแล้วล่ะ ว่าใช้ง่าย ปิดแพนด้าได้ดีพอควร แต่เราก็ได้แต่ผ่านมาผ่านไป ไม่เคยซื้อสักที คราวนี้มาตกลงซื้อได้เพราะ...ลดราคา...ถูกต้องนะค๊าาาาา

ถึงจะดูวันที่ผลิตเก่าไปหน่อยเหอะ (ทิ้งกล่องไปแล้ว แต่รู้สึกจะเป็นปลายปี 2010 มั้ง) ตอนจะซื้อก็ลังเลอยู่ ว่าลดน้อยไปหน่อยนะสำหรับของเก่าขนาดนี้ (209 เหลือ 179 มั้ง) แต่ก็ตัดใจเอามาเพราะอยากลอง เหอๆๆ

ติดใจส่วนผสมนิดนึงว่าต้องมี al.denat ด้วยเหรอ เราเกลียดตัวนี้อ่ะ จะใส่มาเพื่อ? ถ้าอยากให้แห้งเร็วก็ไม่จำเป็นหรอก เรารอได้ ทาทีละน้อยๆมันก็แห้งเร็วหรอก พื้นที่ใต้ตามันจะมากสักเท่าไรเชียว นี่มาเห็นตอนที่อยู่บ้านแล้วนะ ถ้าเห็นตอนจะซื้อเราอาจจะไม่ซื้อก็ได้
ตัวหลอดมันดูเรียบง่าย ก๊องแก๊งมากเลย
สีบีบีก็ประมาณนี้ฮะ ลองลงใต้ตาแล้วก็สว่างขึ้นนิดนึง นิดเดียวจริงๆ ประมาณ 20% ได้ แต่ก็ทาง่ายดี เอามาแต้มๆแล้วก็แปะๆเกลี่ยๆได้เลย สะดวกดี เอาไปเที่ยวเกาะมาด้วยแบบว่าพึ่งซื้อก่อนไปเลยเห่อ ติดเป๋าไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะวางนอนหรือว่าความดันอากาศในเครื่องบิน มันไหลเยิ้มไปหน่อยเปิดมาที ออกมาเพียบเลย พอกลับมาบ้านเลยเอาวางตั้งตลอดๆ ก็ดีขึ้น ไม่เยิ้มแล้ว แต่ต้องเคาะๆหน่อยเพราะไม่ค่อยออกแทน เหอๆๆ

เรื่องปกปิด เราว่าเฉยๆนะ ไม่ได้ประทับใจมากมายแบบที่คนอื่นรีวิว เราว่าแทบไม่ต่างกับไม่ทาอะไรเลยเท่าไร ถ้าใช้ตัวนี้แล้วลงแป้งทับ มันจะดูสว่างขึ้นหน่อย ดูออกว่านี่แต่งหน้านะ ดูออกว่ามีการปกปิดใต้ตานะยะ ประมาณนั้น (มันเป็นเรื่องดีรึเปล่าเนี่ย)

เพราะงั้น พอใช้หมดหลอดแล้วคงเลิกกันอ่ะ เนื้อมันอาจจะเหลวไปรึเปล่าเลยไม่ค่อยได้ผล ตัวต่อไป ว่าจะลองเก็บเงินสอย bobbi brown corrector อะไรงี้เลยดีกว่าอ่ะ จะลองจ่ายแพงกว่า(มากๆ)เผื่อผลลัพธ์จะดีกว่านี้มากๆเช่นกัน

Review: Nivea Lipcare Mint & Mineral

อดใจไม่ไหว....ต้องซื้ออออออ
ก็คนมันรักอ่ะ อิอิ
พอดีไปเห็นมันออกใหม่ในเซเว่น เลยจัดมาซะหน่อย ราคาถูกว่ารุ่นที่แล้วที่ซื้อในบู้ทส์ตั้ง 4 บาท (บู้ทส์ 79 บาท - เซเว่น 75 บาท) กร๊ากๆๆๆ

ตอนแรกก็ซื้อมาคู่เดียวหรอก แต่เห็นยังมีอีกหลายอัน เลยเอามาลองใช้อันนึงก่อน ถ้าชอบสีฟ้าอ่อน ค่อยสอยมาเพิ่ม สีน้ำเงินเราโปรดอยู่แล้ว

ปรากฎว่า...ก็อย่างที่เห็นตามรูปนะฮะ เราชอบเจ้ามิ้นท์มากกว่าหลอดเขียวอ่อนคราวที่แล้วมากอ่ะ อันนั้นมันเหมือนทาแล้วยังแห้งๆ ไม่ค่อยเคลือบปากเราเท่าไร แต่เจ้ามิ้นท์นี่เคลือบปากดีกว่า กลิ่นก็น่ารักกว่า แถมทาแล้วรู้สึกเย็นๆด้วยนะ แต่ไม่มากหรอก รู้สึกนี๊ดดดดดดดดดเดียวจริงๆ วันหลังไปเซเว่นอีกก็เลยสอยมาเพิ่มอีก ได้โอกาสใช้แสตมป์ส่วนที่เหลือลดราคาซะเลย เหลืออยู่ 28 ดวงมั้ง แต่ซื้อไปสองร้อยกว่าบาท ได้ลดเยอะมากกกกก 5555

อีกสองคู่กับอีกหนึ่งหลอดยังถูกซุกอยู่ในกล่องสำรอง แต่คงได้เอามาใช้เรื่อยๆแหละ เพราะว่าเราชอบทา ยิ่งวันไหนกินน้ำน้อย ปากยิ่งแห้งเว่อร์ ทาลิปสีๆไม่ได้เลย ต้องพึ่งเจ้าพวกนี้แทน กลบเกลื่อนว่าชั้นสุขภาพดี ปากฉ่ำน้ำสวยงาม อิอิ

Review: Cutepress Evory Snow Foundation Powder (N1)

หลังจากตั้งใจมากว่าอยากมีตลับแป้งรุ่นนี้ เพราะว่าชอบสีฟ้า (เหตุผลเธอ -_-!) เลยกะว่าจะยอมถอยสีเบอร์ 1 ที่กลัวนักหนาว่าจะว่อก ก็ว่าจะเอามาผสมกับเบอร์ 2 ที่มีอยู่ละกัน เอาฟระ

แต่!!! พอถึงเดือนเกิดจริงๆ เจ้ารุ่นนี้ดันออกสีใหม่ เป็นโทนเหลือง โอ้วเย่! นี่สิ ที่เรารอคอย-รอยคอ

จากที่ใช้รุ่น radiance มา สี N1 นี่เป็นอะไรที่เขากับหน้าเราดีพอสมควร คือก็ไม่ได้เป๊ะเว่อร์ แต่ก็ไม่หลอกตา ดูพอดีพอได้อยู่ พอมาถึง snow เธอก็มี N1 กับ N2 ด้วย เพราะฉะนั้น ชั้นจะเอา N1 ให้ได้ เหอๆๆๆ

แต่!!! (อีกละ) พอจะไปใช้สิทธิวันเกิดจริงๆ โดนคุณแม่ตัดหน้า คือจริงๆก็ไปด้วยกันเนี่ยแหละ เพราะว่าเป็นบัตรเราคนเดียว แต่อยากให้แม่สวยด้วย อิอิ แล้วแม่ก็เข้าใจว่าต้องซื้อให้ถึงวงเงิน 2,000 ตามสิทธิ ทีนี้แหละ คุณหญิงเดินเลือกของแบบ non-stop เลย ปากก็ถามว่าเราไม่ซื้อเหรอ แต่ตัวเองก็หยิบหลายสิ่งอัน เราก็เลยปล่อยให้เขาเลือกไปตามสบาย เผื่อจะเหลือเศษวงเงินให้เราซื้อบ้าง T_T

นี่ยังทันคุณแม่ตรงที่เราเหลือบไปเห็นชั้นโชว์เจ้าแป้งอันนี้พร้อมกับสีออกใหม่ เลยรีบหยิบสีที่อยากได้มารวมชุดกันก่อน เดี๋ยวแม่ซื้อหมดเราจะอดได้ลด เหอๆๆ

สรุปว่าเราก็ได้มาชิ้นเดียว แต่แม่ได้เพียบเลย อิอิ มันก็ดีอย่างว่าแม่ออกตังค์ให้สำหรับเจ้าแป้งนี่ด้วย อิอิ สรุปว่าโปรวันเกิดของร้านนี้ ได้แป้งตลับเดียว เย่!

แต่!!! (อีกครั้ง) น้องคนขายไม่ยอมให้ซื้อแค่นี้แน่ๆ พอเช็คแต้มในบัตรเราแล้ว เธอเอ่ยว่า ร้านมีโปรพิเศษถึงสิ้นปี ใช้ร้อยแต้ม (มั้ง) แลกส่วนลด 40% วงเงิน 4,000!!! Oh, my goodness อะไรนี่ เยอะกว่าโปรวันเกิดชั้นอีก รู้งี้ซื้อรวบยอดทีเดียวซะเลยดีก่า เหอๆๆ แต่ก็ได้สอบถามคุณหญิงแล้ว ท่านบอกว่า "เดี๋ยวก่อน" แสดงว่ามีอีกแหงๆ 555 ก็ไม่เป็นไร ถ้ามีโอกาสคงได้ชวนกันไปช้อปอีกล่ะ ยังงัยเราก็ยังอยากได้อีกหลายสิ่งอัน แต่คราวนี้จะขอออกตังค์ให้คุณหญิงบ้างนะ ฮี่ๆๆ




นี่แหละที่อยากได้ ตลับสีฟ้าาาาา น่ารั๊ากกกอ้ะ อิอิ


นี่ก็ชอบอีกอย่าง ตลับยี่ห้อนี้จะมีที่เก็บพัฟ และขนาดก็ไม่ใหญ่เว่อร์ พกพาสะดวกดี

 
เนื่องจากรีบถ่ายรูป ก็เลยไม่ได้เทียบกับตลับอื่นมา แต่ขอเอารูปเก่าที่เป็นโทนชมพู เบอร์ 1 กะ 2 มาเทียบละกันนะ
  
 รูปถ่ายตัวเองนี่คือทาปุ๊บ ถ่ายปั๊บ ลืมดูไปว่าพอผ่านไปสักพักแล้วหน้าหมองรึเปล่า

เท่าที่ลอง สีมันก็ออกโทนเหลืองจริงๆอ่ะแหละ แต่!!!! (ตกใจมาก) มันเข้มอ่ะ ย้อนกลับไปดูรูปที่เทียบสีกันดิ N1 ดูเข้มกว่าเบอร์สองอีก แต่เวลาลงบนหน้าจริงก็ไม่ได้ดูดำในทันทีนะ เดี๋ยวคงต้องลองใช้ไปสักพักก่อนอ่ะ

ว่าแล้วก็เลยไปหยิบเบอร์สอง กับ N1 รุ่น radiance มาเทียบกัน แย่แว้ววววว เจ้า snow N1 มันเข้มกว่าใครเลยอ่ะ เรียงจากเข้มไปอ่อนได้ตามนี้

snow N1 > radiance N1 > snow 2

แง.....จะเศร้าดีมั้ยเรา ซื้อสีเข้มไปอีกแล้วป่าวเนี่ย ส่วน snow 2 ที่ดูเหมือนจะสีอ่อนที่สุด แต่เวลาลงหน้าจริงแล้วดำมาก แป๊บเดียวดำเลย ส่วน snow N1 ลงหน้าจริงแล้วดูไม่ค่อยดำ อืมมม แปลกดีอ่ะ

เริ่มจะงงกับแป้งยี่ห้อนี้แล้วเนี่ย ชอบตลับนะ แต่สีแป้งที่เห็นกับเวลาอยู่บนหน้าจริงมันต่างกันจังเลย ในตลับดูอ่อน แต่บนหน้ากลับเข้ม อะไรอย่างนี้ กะลังลังเลอย่างแรงว่าชั้นจะใช้สีไหนดีกันแน่สำหรับรุ่น snow เนี่ย ชอบมัน แต่มันไม่ค่อยจะเหมาะกะเราเลย ให้ตายสิ

Review: OP Face illuminator Press Powder (01 Light)

อยากลองมานานแย้วเจ้าตัวนี้ แต่ราคามันมากไปนิดนึง โปรวันเกิดที่ผ่านๆมาก็ไม่เคยซื้อ พึ่งได้ลองก็คราวเนี้ย






เห็นสีแป้งแล้วอึ้งไปนิด อืมมม ขาวกว่าที่คิดไว้แฮะ เพราะเห็นรีวิวมาบ้างว่าแป้งของ op มักจะหมอง ก็เลยเลือกเบอร์ขาวไว้ก่อน แต่อย่างรุ่นนี้ ถ้าเอาเบอร์เข้มกว่านี้ก็เข้มไปล่ะ ยังงัยก็ต้องเบอร์ 01 อยู่ดีล่ะ

ตามธรรมเนียมนะฮะ ตอนนี้เปิดใช้หลายตลับดีนัก เลยเอามาเทียบสีกันหน่อยจิ๊

เบอร์ 1 ทั้งคู่เลยแฮะ แต่ดู op สว่างกว่ามากอ่ะ ออกแนวขาวชมพูไปเลย
ลองตบลงหน้าดูนะฮะ มันก็ขาวจริงๆอ่ะแหละ ปรกติเวลาพึ่งกลับจากที่ทำงาน หน้าจะหมองมาก สงสัยเบื่องานมาก หน้าเลยหมองคล้ำ (เอ๊ะ เกี่ยวมั้ย อิอิ) แต่พอลองเอาแป้ง op ตบทับลงไป โอ้ววววว หน้าเธอว์...สว่างเหมือนเปิดไฟให้หน้า (สำนวนเน่าๆ เหมือนโฆษณามั่กๆ อิอิ)

ตลับมันก็สวยดีนะ สีเปลือกมังคุด มีประกายด้วย ถ่ายรูปยากมาก ไม่ใช้แฟลชนี่รูปออกมาน่าเกลียดไปเลยอ่ะ เหอๆๆ ข้างในก็มีที่เก็บพัฟด้วย

ดีอย่างงี้แล้วซื้ออีกมั้ย อืมมมม ขอคิดดูก่อน เพราะว่าแป้งอัดแข็งแบบนี้ก็มีหลายยี่ห้อ อย่างที่เราชอบๆอยู่ก็มีเมบาลีนกับยูทิป ราคาถูกกว่าตัวนี้เยอะเลยด้วย เอ...เท่าที่เห็น เจ้าตัวนี้ไม่มี refill ขายนะฮะ หมดปุ๊บต้องโยนทิ้งเลย เสียดายตลับอ่ะ ยิ่งราคามัน 395.- ลดแค่ 25% เรายังว่ามันแพงเลย เอาไว้โปรต่อๆไป ถ้าเราบังเอิญไม่มีแป้งใช้ อาจจะหันมามองเธอก็ได้นะ อิอิ

Review: OP 5 in 1 Fit&Firm Body Scrub & Massage

ย้อนเอามันกลับไปจัดชุดรวมกับโปรวันเกิดนะจ้ะ ยังเหลือเจ้าตัวนี้กับแป้งอีกตลับ ซึ่งจะรีวิวติดกลันซะเลย

เจ้าตัวนี้เรายังไม่เคยใช้ แต่เคยใช้สครับกลิ่นอื่น+ครีมอาบน้ำกับโลชั่นของไลน์นี้มาแล้ว เลยรู้ว่ากลิ่นมันจะประมาณไหน และเม็ดสครับเป็นยังงัย

ที่จริงอยากได้ serum เอามานวดรอยผิวแตก แต่ร้านไม่มีของ ก็เลยเอาอันนี้มาแทนล่ะ




 บรรจุภัณฑ์เธอเดี๋ยวนี้ เริ่ดนะยะ มีซีลปิดทุกสิ่งเลยเชียะ
บีบเนื้อออกมาก็ตามคาดฮะ กลิ่นเหมือนโลชั่น (ก็มันไลน์เดียวกันนี่หว่า) เนื้อสครับก็เหมือนรุ่นอื่นๆ เป็นเม็ดเล็กๆ ไม่บาดผิว สครับพอหนุกหนาน เบื่อก็ล้างออกได้ เหลือกลิ่นหอมๆติดผิวดีเหมือนกัน

ว่าแต่ เอาอีกมั้ยอ่ะ เอิ่มมม คงไม่อ่ะ มันขี้เบื่อ หมดกลิ่นนี้แล้วก็ไปหากลิ่นอื่นต่อไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ และเรื่อยๆ shop ตลอดอ่ะเธอว์ 5555